Nov 14, 2023
การตรวจสอบแบริ่ง
โดยปกติควรตรวจสอบอย่างน้อยทุกสัปดาห์ โดยใช้เครื่องช่วยฟังเสียงหรือเครื่องวิเคราะห์การสั่นสะเทือน นอกจากนี้ควรตรวจสอบอุณหภูมิผิวของแบริ่งด้วยเพื่อเปรียบเทียบกับค่าอุณหภูมิปกติ
การตรวจสอบช่องว่างอากาศ
โดยการวัดระยะระหว่างโรเตอร์และสเตเตอร์ทั้งด้านบนและด้านล่างด้วยแผ่นวัดช่องว่าง อย่่งน้อยปีละครั้ง ซึ่งค่าความต่างที่อ่านได้ในแต่ละปีจะแสดงถึงสภาพของชุดติดตั้งแบริ่งว่ามีความผิดปกติหรือไม่
การตรวจสอบความตึงของสายพาน
ควรให้สายพานมีความตึงพอดีกับชุดติดตั้ง โดยอาจใช้เครื่องวัดความตึงเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดเสียงรบกวนลงได้ โดยปกติการสูญเสียจากสายพานหย่อนเกินไปอาจสูงได้ถึง 5% ดังนั้นควรมีการตรวจสอบและปรับความตึงทุกเดือน
การตรวจสอบการติดตั้ง
โดยการตรวจสอบโบล์ตยึดและฐานเหล็กว่ารองรับการกระเทือนได้ และฐานคอนกรีตไม่เกิดการแตกร้าวหรือกะเทาะ
การตรวจสอบความต้านทานฉนวน
ทุก ๆ 2 ปี ควรมีการตรวจสอบวัดค่าความต้านทานฉนวนเพื่อวิเคราะห์ว่าฉนวนมีปัญญาหรือไม่ โดยเฉพาะมอเตอร์ที่เคยถูกน้ำท่วมควรต้องได้รับการทำความสะอาดและทำให้แห้งสนิทก่อนเริ่มใช้งาน
การการทำให้มอเตอร์สะอาดและเย็น
สภาพแวดล้อมในการทำงานที่สกปรก ควรใช้เครื่องเป่าฝุ่นออกจากมอเตอร์บ่อย ๆ ส่วนบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงควรเผื่อขนาดมอเตอร์ให้มากขึ้น เนื่องจากอุณหภูมิของสภาพแวดล้อมที่สูงเกินจะทำให้อายุการใช้งานมอเตอร์สั้นลง ในทางทฤษฎีอุณหภูมิมอเตอร์ที่สูงขึ้น 25°C จะทำให้การสูญเสียมีค่าเพิ่มขึ้น 10% ดังนั้นควรพิจารณาตำแหน่งการติดตั้งให้อยู่ในที่ร่ม อากาศถ่ายเทได้สะดวก และทำความสะอาดเปลือกนอกของมอเตอร์อย่างน้อยปีละครั้ง
การตรวจสอบความร้อน เสียงและการสั่นสะเทือน
ทันทีที่เห็นหรืรู้สึกว่าโครงมอเตอร์หรือแบริ่งมีความร้อนหรือมีการสะเทือนมากเกินไป แสดงว่าเกิดปัญหาในบริเวณนั้นซึ่งควรมีการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุและขจัดปัญหาออกไป
การตรวจสอบการสตาร์ท
โดยปกติกระแสสตาร์ทของมอเตอร์ที่มีค่าสูง ๆ จะทำให้เกิดความร้อนขึ้นในตัวมอเตอรฺ์เอง ดังนั้นสำหรับมอเตอร์ที่มีขนาด 200 แรงม้าหรือต่ำกว่า ควรมีค่าเวลาในการสตาร์ทขณะที่มีโหลดขนาดใหญ่ต่ออยู่ไม่เกิน 20 วินาที และมอเตอร์ไม่ควรมีค่าเวลาในการสตาร์ทรวม 150 วินาทีต่อวัน
การตรวจสอบแรงดันไฟฟ้า
มอเตอร์จะทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพสูงเมื่อได้รับระดับแรงดันไฟฟ้าที่ถูกต้อง รวมถึงแรงดันที่สมดุลและปราศจากฮาร์มอนิก โดยแรงดันไฟฟ้าที่ไม่สมดุลเกิน 2% จะเพิ่มความสูขเสียได้ถึง 25% ดังนั้นแรงดันที่ป้อนให้กับมอเตอร์ไม่เสียสมดุลเกิน 1% นอกจากนี้นะดับแรงดันไฟฟ้าควรมีค่าใกล้เคียงกับค่าแรงดันกัดของมอเตอร์ สำหรับแรงดันที่มีฮาร์มอนิกปะปนมากจะทำให้มอเตอร์เกิดความร้อนผิดปกติทำให้อายุการใช้งานสั้นลงได้